ในยุคที่การพนันกลายเป็นกิจกรรมออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย การทำความเข้าใจ “พฤติกรรมของผู้เล่นพนัน” ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อผู้ให้บริการเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าเชิงสังคมและจิตวิทยาอย่างลึกซึ้ง งานวิจัยในช่วงหลังระบุชัดว่าปัจจัยทางอารมณ์ การรับรู้ความเสี่ยง และประสบการณ์ส่วนตัวล้วนมีผลโดยตรงต่อรูปแบบการเล่นและการตัดสินใจวางเดิมพัน
1. กลไกทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการเล่นพนัน
ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ตระหนักว่าเบื้องหลังการตัดสินใจวางเดิมพันแต่ละครั้ง มี “กลไกอัตโนมัติทางจิตใจ” ที่ทำงานอยู่ เช่น การยึดติดกับความเชื่อเรื่องโชค การเข้าใจผิดเรื่องความน่าจะเป็น และการใช้การพนันเป็นเครื่องมือจัดการความเครียด
จากงานวิจัยของ Ariyabuddhiphongs & Jaiwong (2020) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Gambling Studies พบว่า ความเชื่อเรื่อง “ดวงดี” มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับความถี่ในการเล่นพนันในกลุ่มผู้ใหญ่ไทย (PubMed: 31919796)
2. ปัจจัยผลักดัน: แรงจูงใจและความคาดหวัง
แรงจูงใจหลักของผู้เล่นสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่:
- เพื่อความบันเทิง (Recreational gambling)
- เพื่อรายได้ (Economic incentive)
- เพื่อหนีปัญหา (Escape-oriented behavior)
โดยเฉพาะกลุ่มหลังถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเสพติดพนัน เนื่องจากพฤติกรรมไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความหวังจะชนะ แต่ด้วย “แรงผลักภายใน” ที่ต้องการหนีออกจากสภาพจิตใจที่เป็นลบ
3. พฤติกรรมแบบ Impulsive และ Loss-chasing
ในหลายกรณี ผู้เล่นจะเข้าสู่วงจรของพฤติกรรม “ไล่ตามความสูญเสีย” (Loss-chasing) โดยอัตโนมัติ เมื่อเสียเงิน พวกเขามีแนวโน้มจะลงเงินเพิ่มขึ้นในการวางเดิมพันครั้งถัดไป ซึ่งมักจบลงด้วยการเสียมากขึ้น
นักวิจัยจาก University of Nottingham วิเคราะห์ว่าในสมองของผู้เล่นพนันที่มีพฤติกรรม Loss-chasing จะมีการกระตุ้นในบริเวณ Amygdala และ Insula สูงกว่าคนทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงถึงสภาวะเครียดแต่เสพติดความเสี่ยง (PMC3025411)
4. ความแตกต่างของผู้เล่นชาย-หญิง
มีหลักฐานชัดเจนว่าพฤติกรรมผู้เล่นมีความแตกต่างตามเพศ งานวิจัยโดย Hing et al. (2016) ระบุว่า
- ผู้ชายมีแนวโน้มเลือกเดิมพันที่เสี่ยงสูง เช่น บอลเดี่ยวหรือสเต็ป
- ผู้หญิงมักเล่นเพื่อผ่อนคลายมากกว่า ใช้เวลากับสล็อตหรือบิงโก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ภาวะพนันเกินขอบเขต ทั้งสองกลุ่มมีโอกาสพัฒนาอาการ “ติด” ได้พอ ๆ กัน
5. บทบาทของเทคโนโลยีและการเล่นแบบออนไลน์
ในยุคที่มีการเล่นผ่านมือถือและแพลตฟอร์มอย่าง UFABET ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านพฤติกรรมอย่างมาก
นักวิจัยจาก University of Bergen ระบุว่า “การเล่นพนันออนไลน์” สร้างโอกาสให้ผู้เล่นเข้าสู่วงจรของการเสพติดได้รวดเร็วกว่าการเล่นออฟไลน์ถึง 2 เท่า โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น (DOI:10.1080/16066359.2015.1094063)
6. ระบบรางวัลและสารเคมีในสมอง
การพนันกระตุ้นการหลั่ง Dopamine เช่นเดียวกับยาเสพติดบางประเภท ซึ่งทำให้ผู้เล่น “ติดความรู้สึก” มากกว่าติดเงิน โดยเฉพาะเมื่อชนะในรอบเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง → สมองจะบันทึกว่า “นี่คือความสำเร็จ” แม้จะขาดทุนในภาพรวม
สิ่งนี้อธิบายว่าทำไมผู้เล่นหลายคนยังเล่นต่อแม้จะเสียเงินตลอด
7. แนวทางป้องกันและการออกแบบเกมอย่างมีความรับผิดชอบ
หลายแพลตฟอร์มเริ่มมีการออกแบบ “ระบบเตือน” หรือจำกัดพฤติกรรม เช่น ตั้งลิมิตรายวัน การแสดงผลขาดทุนสุทธิแบบ realtime เพื่อให้ผู้เล่นตระหนักรู้พฤติกรรมของตนเองมากขึ้น
ในแง่จริยธรรม การพัฒนาเกมพนันเชิงรับผิดชอบถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในระดับโลก
8. สรุปเชิงจิตวิทยาและเชิงนโยบาย
การเข้าใจพฤติกรรมผู้เล่นพนันไม่ใช่เรื่องของการตีตรา แต่นำไปสู่การออกแบบแพลตฟอร์มและบริการที่ “ปลอดภัยต่อผู้บริโภค” มากขึ้น หากผู้ให้บริการสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เล่นได้แม่นยำ ก็สามารถสร้างประสบการณ์ที่สมดุลระหว่างความบันเทิงและความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ควรมีการสื่อสารเรื่องความเสี่ยง และเปิดช่องให้ผู้เล่นสามารถ “หยุดพักได้” อย่างง่ายดาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมผู้เล่นออนไลน์ วิเคราะห์เชิงจิตวิทยาและข้อมูลพฤติกรรมในโลกเดิมพัน